James Altucher เขาถูกขึ้นชื่อว่าเป็น “เซลล์แมนมือทอง” ชีวิตของเขาทำมาหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นขายสินค้า ทำงานด้านสื่อ จนประสบความสำเร็จและในที่สุดก็ลงมือเขียนหนังสือเล่าทิปต่าง ๆ  ประกอบการทำธุรกิจ แน่นอนว่าเขาต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นเช่นกัน นี่คือหนังสือที่เขาแนะนำให้อ่าน เพื่อเป็นแนวคิดต่อยอดไปสู่ความสำเร็จ

Where Good Ideas Come From: The Natural History of Innovation เขียนโดย Steven Johnson

     Where good ideas come from? ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมที่สุดเล่มหนึ่งของโลกในปี 2010 โดยนิตยสาร The Economist เป็นหนังสือที่รวมเรื่องราวความเป็นมาที่น่าทึ่งของนวัตกรรมอันหนึ่ง และมันก็เกิดขึ้นได้ในทางที่เหลือเชื่อเสียด้วย

     Johnson อธิบายว่า ปัจจัยสำคัญอย่างน้อยสองประการที่จะทำให้ความคิดดีดีเกิดขึ้นได้ก็คือต้องมีแรงจูงใจที่เกิดขึ้นจากภายใน มีแรงปรารถนา มีความตะหงิดใจของตัวเอง มันจะทำให้ตัวเราเองอยากรู้ ใส่ใจ และค้นหาคำตอบอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ต้องพูดคุย สนทนา ไม่ใช่แค่กับคนที่อยู่ในสาขาเดียวกันเท่านั้น แต่ต้องพูดคุยกับคนในสาขาอื่น ๆ ด้วย เพราะความไม่รู้ของพวกเขาเหล่านั้นจะช่วยให้คุณก้าวข้ามข้อจำกัดที่ตีกรอบความคิดของคุณเองไปได้

Mindset: The New Psychology of Success เขียนโดย Carol S. Dweck

     หนังสือเล่มนี้ แต่งขึ้นโดย Professor Dr. Carol Dweck ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ภาควิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัย Stanford โดยเนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้ก็จะกล่าวถึงเรื่องตามชื่อหนังสือคือ Mindset โดยผู้แต่งได้แบ่ง Mindset ออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ Fixed Mindset กับ Growth Mindset

      Fixed Mindset จะเป็นการมองทุกอย่างว่าไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ทุกอย่างมันคงที่ เช่น บางคนคิดว่าเขาเกิดมาไม่ฉลาด ดังนั้นเขาก็จะไม่พยายามพัฒนาปรับปรุงให้ตัวเองมีความรู้มากขึ้น ในขณะที่ Growth Mindset จะคิดกลับกัน โดยจะคิดว่าคนเราสามารถพัฒนาปรับปรุงได้

Man's Search for Meaning - The Classic Tribute to Hope from the Holocaust เขียนโดย Viktor E. Frankl 

     "ชีวิตไม่ไร้ความหมาย : Man's Search for Meaning" เล่มนี้ เป็นเรื่องราวของนักเขียนวิกเตอร์ "อี. แฟรงเคิล" จิตแพทย์ชาวออสเตรีย ที่ชีวิตหักเหสู่สภาพที่เลวร้ายที่สุด เมื่อเขาถูกกักกันอยู่ในค่ายนาซี เขาสิ้นอิสรภาพ ต้องทุกข์ทรมานอยู่กับความทารุณ ไม่มีหวัง ไม่รู้กระทั่งว่าผู้คนที่ตนรักจะยังมีชีวิตหรือไม่ แต่ดอกเตอร์แฟรงเคิล รวมถึงนักโทษบางส่วน กลับสามารถมองหาความหมายในชีวิตได้ บุคคลเหล่านี้เป็นตัวอย่างว่า มนุษย์นั้นอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้พ่ายแพ้เสมอไป ตราบใดที่เราไม่ก้มหัวให้ชะตากรรม

The Black Swan เขียนโดย Nassim Taleb

     โดยหนังสือนี้จะเปรียบเทียบว่า โลกก่อนหน้านี้เชื่อว่า หงส์ทุกตัวเป็นสีขาว หรือ All Swans Are White แต่ความเชื่อนี้ก็ถูกมาทำลายทีหลัง เพราะหงส์ดำมีจริงในทวีปออสเตรเลีย Nassim Nicholas Taleb บอกว่า สิ่งที่จะเข้าข่ายทฤษฎี Black Swan หมายถึง

1. เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
2. เหตุการณ์นั้นมีผลกระทบมหาศาลเมื่อเกิดขึ้น
3. หลังเหตุการณ์นั้น จะมีเหตุผลมาอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
Black Swan จะเป็นเรื่องตลก ตราบใดที่มันยังไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เรื่องตลกนั้นจะเป็นฝันร้ายของเราทุกคน

Mastery เขียนโดย Robert Greene

     Mastery ผลงานของนักเขียนขายดีติดอันดับ New York Times อย่าง Robert Greene  ในหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเคล็ดลับดี ๆ เพื่อให้คุณก้าวมาเป็นอัจฉริยะ ผ่านตัวอย่างจากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายต่อหลายคน

Quiet: The Power of Introverts in a World That Can't Stop Talking เขียนโดย Susan Cain

     เนื้อหาในหนังสือวิพากษ์อุดมคติทางวัฒนธรรมที่มักให้ค่า ให้ราคาแต่กับคนช่างพูด ช่างเข้าสังคม ช่างแสดงออก ช่างเข้าหาผู้คน ทำตัวเริงร่า พูดจาองอาจ ซึ่งเป็นลักษณะที่หนังสือฮาวทูและเหล่า “กูรู” ด้านการพัฒนาตนเองบอกว่าเป็น “บุคลิกลักษณะแห่งความสำเร็จ” ทำให้คนที่ไม่มีลักษณะเหล่านี้ขาดความมั่นใจในตนเอง แต่จริง ๆ แล้ว ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้เช่นกัน

The Obstacle is the Way เขียนโดย Ryan Holiday

     ปัญหาคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิต ซึ่งเข้ามาสร้างความยุ่งยากให้กับเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ "ปัญหา" ของปัญหาก็คือ ส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้หลายคนที่พยายามแก้ปัญหาจึงได้แต่ถอดใจแล้วปล่อยให้มันคาราคาซังต่อไป...แต่การ "แก้ปัญหา" เป็นทางออกที่ดีที่สุดจริง ๆ หรือ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรามีทางเลือกที่ง่ายกว่านั้นมาก...ทางเลือกที่ช่วยทำให้ปัญหาหายไปกว่าครึ่งได้ด้วยการ "ขยับ" มุมมองเพียงเล็กน้อย...แค่ 1 องศา    

     หนังสือเล่มนี้จะแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่เน้นการปรับเปลี่ยนมุมมอง "เพียงเล็กน้อย" แต่ช่วยให้ปัญหาเบาบางลงและรับมือได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับที่ใช้กันในหมู่คนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก อย่างโทมัส เอดิสัน มหาตมะ คานธี และสตีฟ จ็อบส์ ไม่ว่าปัญหาของคุณคืออะไร ไม่ว่ามันจะมีอยู่มากน้อยแค่ไหน แค่นำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ ปัญหาก็จะหายไปจนคุณยังไม่ทันได้ลงมือแก้เลยด้วยซ้ำ

Perennial Seller เขียนโดย Ryan Holiday

     ศิลปินทุกคนต้องเป็นนักการตลาด เพราะเหตุใด ศิลปินทุกคนมีความสามารถเฉพาะตัว แต่ถ้าหากเปรียบเทียบศิลปิน ที่มีทักษะเรื่องการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาจะประสบความสำเร็จมากกว่า เช่น นักเขียน นักร้อง คนทำงานศิลปะ ที่จะต้องเรียนรู้ว่าช่องทางการทำการตลาดไปสู่กลุ่มเป้าหมายของตนเองควรทำอย่างไร เพราะไม่มีใครรู้จักตัวตนหรือผลงานของคุณได้ดีเท่าตัวคุณเอง